Tuesday, May 20, 2014

เมื่อคนป่วย แสร้งทำใจให้ไม่ป่วย (ก็ยังอยู่ฝั่งกุศลล่ะ) กรณีเราชอบคิดไปในแง่ร้าย เสียๆ หายๆ กลัวไปหมด

สวัสดีครับ

     ยามที่เราขับรถ เราไม่เคยเห็นคุณค่าของน้ำมันรถ จนกระทั่งมันใกล้หมด เพราะ พอถึงเวลา ต้องรีบกุลีกุจอ เข้าปั๊มกันจ้าละหวั่น จริงไหม

     ชีวิตคน ผมนี่ได้บทเรียน ที่ต้องใช้ชีวิต กว่า 41 ปีจึงจะได้คิด และสำนึกว่า

   "คุณจะสุดยอดเพียงใด มีวิธีคิด เห็นโลกมามากแค่ไหน อย่าเพิ่งคิดว่า คุณเจนจบ แล้ว...

   จงเผื่อใจไว้ยามเจ็บไข้ได้ป่วย ลำบากกาย ลำบากใจ บ้าง ค่อยมาดูตัวเองใหม่ว่า คุณเรียนมาพอ
    หรือยัง...."

     ซึ่งพอผมป่วย มีอาการเจ็บแบบไม่คิดฝันเข้าวันหนึ่ง ผมถึงรู้ตัวเอง 2 ข้อ

    1. เรานั้นบอบบางนัก สิ่งที่เรียนรู้มา เข้าใจว่าเรา ตามสติ มีสมาธิ พอประมาณ มันดี กับการช่วยเหลือ
         เป็นกำลังใจให้ ผู้อื่น นี่เรื่องดี   แต่สำหรับตัวเอง กลับลนลาน กังวลกับอาการเจ็บป่วยของตน                 เหมือน เด็กเล็กๆ คนหนึ่ง

    2. ธรรมะนั้น เรียนรู้ไปเถิด ดีทั้งนั้น แม้จะรู้ว่า ตัวเองทำใจไม่ได้กับอาการเจ็บป่วยของตนเอง กลัวลาน ไปหมด แต่ ก็มีหลักธรรมเข้ามาในใจ ให้ได้คิด เกิดแสงแห่งปัญญาทำโน่นนี่ มาเป็นระยะๆ และ คุณธรรมที่เรียนมา ช่วยคนมา พอถึงตาเรา เจ็บป่วย ก็มีมิตรสหาย ทักทายไม่ขาด สำหรับ พ่อ แม่ พี่น้อง และคนรักของเรา อันนี้ พวกเขารักเราอยู่แล้ว ผมได้กำลังใจจากตรงนี้มากๆ   เรียกว่า มีกำลังใจมาเรื่อยๆ เหมือนน้ำที่ซึมบ่อทราย แปลว่า มาเรื่อยๆ ไม่มากแต่ไม่มีหมด

 
      การเจ็บป่วย คือเรื่องที่ใกล้กับคำว่า มีหรือหมดวาสนา มากที่สุด ลองคิดดู

    1. อาชีพการงานของคุณ จะเป็นอย่างไร จากนี้
     2. คนรอบข้างใกล้ตัวจะเป็นอย่างไร
      3. หากอยู่ลำพังคนเดียว เราจะทำอย่างไร

 และ มีเรื่องให้คิดมากมาย มากจริงๆ

      ไม่เคยมาเจ็บป่วย ไม่มีทางรู้หรอกครับ

    คนที่เจ็บไข้ได้ป่วย ต้องอยู่กับคนประเภทคิดบวก มีพลังเมตตาเหลือเฟือ คุยได้ต่อติด จะทำให้มีกำลังใจฟื้นจากการเจ็บป่วยได้เร็ว แต่คนแบบนี้ มีไม่เยอะครับ คนป่วยจึงต้อง บางที

   แกล้งทำตัว เป็นคนรู้จักคิด แสร้งทำเป็นคิดบวก    บ้าง

  ก่อนที่จะเฉาตายไปเสียก่อน   จะดีหรือ


   มันก็ไม่น่าเกลียดนี่ครับ ก็เวลาน้ำมันหมด เราเลี้ยวเข้าปั้มเติมแก็ส โซฮอล์  ไม่ใช่น้ำมันเพียวๆ เสียหน่อย ก็ทำได้นี่ จริงไหม

    การแสร้งทำตัวเอง เป็นคน คิดบวก มีพลังเหลือเฟือก็คล้ายๆ กัน คือ

   ตอนนี้เติมอะไรให้ชีวิตได้ เติมไปก่อนเหอะ เอาให้รอดตายคราวนี้ก่อนเถอะ หากมัวรอ ฮีโร่ พอดีกว่าจะเจอ อาจบ๊าย บาย ลาโลกไปแล้ว หรือ จิตตกไม่มีเหลือ

     คนป่วยเสี่ยงต่ออาการจิตตก แต่อาจแก้ได้ ด้วยการ แสร้ง เสแสร้ง แกล้งทำตัวเป็น คนคิดเป็น คิดบวก มีพลัง ทำอย่างไร?

       ไม่ยากครับ คิอแบบนี้

1.  มีกรรมส่งผลอยู่ 1 ไม่ค่อยดีนัก บวกคิดมาก ฟุ้งซ่าน จนทำร้ายตัวเอง อีก 1 รวมเป็น 2 แรงแข็งขัน
   
2.  มีกรรมส่งผลอยู่ 1 ไม่ค่อยดีนัก  เฉยๆ ทำไม่สน กรูไม่ฟุ้งซ่าน  บวกยังไงก็ได้ แค่ 1 แรง

3.   มีกรรมส่งผลอยู้่ 1 ไม่ค่อยดีนัก แต่แสร้งคิดบวก หานั่นทำนี่ ต่อสู้ ดูแลตัวเอง รักษากายและใจ จะดีจะร้ายไม่คิดมาก อ้าว เกิดพลังบวก กับตัว  เกิดแรงไปทางบวก 1 2 3 4.... ไม่สิ้นสุด
๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘

เป็นตัวเราที่ต้องเลือก จริงไหม
   กรรมมันส่งผลแล้ว คุณเลือกแบบไหน คนเรา สถานีปลายทางคือ   ความตาย  หนีไม่พ้น สมมุติว่า โรคร้ายแรงที่สุดคือ ตาย   คุณจะเลือกเป็นคนแบบไหน จาก 3 ข้อข้างต้น ?

   พวกแรก เรียกว่า พวก ซ้ำเติมตัวเอง
   พวกที่สอง เรียกว่า พวกรู้ทัน
   พวกที่สาม  เรียกว่า ไม่มีเสียเปรียบหรอก คือ โดยลบมา ตรูข้าจะบวกกลับเป็น สิบ เป็นร้อย

   และธรรมชาติ มันก็เป็นแบบนี้จริงๆ  เราจะเห็นว่า ทุกข์หนักทั้งหลาย ตลอดชีวิต จะพบว่า

    แล้วมันก็ผ่านไป

   สิ่งที่ทิ้งไว้คือ จิตดวงเดิมของเรา ที่ต้องเผชิญโลกต่อไป จนวาระสุดท้าย แต่จิตนี้ จะ

  บอบช้ำ
   กลางๆ
   สุขใจเป็นส่วนมาก

  3 แบบ คุณคือคนที่เลือกเอง   หากเห็นดังนี้แล้ว จะอะไรที่เข้ามา ขอเป็น คนแบบที่ 3. กันดีกว่าไหม คือ
อะไรที่กรรมส่งผลแล้ว เป็นไป สร้างกรรมใหม่ ทำกรรมใหม่ สู้สิพวก ท้ายสุด มันก็ผ่านไป ตามกาลเวลา เราก็ยัง สุขมากกว่าทุกข์อยู่ดี จริงไหม

  ดังนั้น จงอย่าซ้ำเติมตัวเอง หากอารมณ์ใด เกิดแล้วมันจะเข้ามาทำร้ายใจเราตอนป่วย บอกลามันเลยว่า มึงมาได้ มึงก็ไปได้ ก็ไม่สน เพราะ

      ทุกสิ่งอย่าง มีการ   เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ ดับไป

     จงคิดต่ออีกนิด เป็น การตั้งเป้าหมายในชีวิตว่า

     ทุกวันเราจะมีเป้าหมายเล็กๆ ว่าจะทำอะไร เช้าตื่น กลางวันลงมือทำ ค่ำพักผ่อน ทำดีที่สุด และ กูทำได้เทานี้  แต่ กูทำเป้าหมายได้สำเร็จ 1 งาน

     มีจาก 1 วัน เป็น 1 สัปดาห์ เป็นเดือน เป้าหมายจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ บอกตัวเองให้ได้ว่า อีก 1 ปี จะมีอะไร เป็นอะไร อีก 3-5 ปี มี ทำ เป็นอะไร พอแล้ว ล่าสุดมีงานวิจัยว่า คนที่มีเป้าหมายในชีวิตส่วนมากอายุเกิน 70 ปี และอายุยืนกว่านั้นครับ

    ดังนั้นเราเจ็บป่วย ก็อย่าซ้ำเติมตัวเอง ไม่มีอะไรจะเสีย กว่านี้  ที่่เหลือคือ ทำเรื่องดีๆ บวกๆ กุศลมากๆ เพิ่มให้มากกว่าคนปกติ สัก 10 เท่า 100 เท่าไปเลยครับ เพราะ

    หากเราไม่หาย เราได้กุศล ได้จิตใจที่บวก ไม่ซ้ำเติมตนเอง

    หากเราหายดี คุณจะมีแต่กำไรนะครับ

 แนวทางของผมเป็นแบบนี้

ลองนำไปต่อยอดครับ

สวัสดีครับ
คุณบอลล์ :0)

No comments:

Post a Comment