Sunday, August 4, 2013

สมถภาวนา หรือ วิปัสนาภาวนา ทำอันไหนดี?

สวัสดีครับ ผู้ใส่ใจในธรรม ทุกท่าน

   หลายปีก่อนขณะที่ผม เปิดโทรทัศน์ยามเช้า พบว่ามีช่องหนึ่ง กำลังออกอากาศ รายการ ของเพื่อนต่างศาสนา และพบว่า ผู้เผยแผ่ของเขาได้ตั้ง สำนักที่เปิดให้คนในศาสนานั้น มาฝึกนั่งสมาธิกัน ผมก็งงว่า เอศาสนา นี้มีการนั่งสมาธิ ด้วยหรือ พอปลายๆ รายการก็พบว่า ท่านที่ก่อตั้งมี แนวคิดว่า การนั่งสมาธิ เป็นของกลางของโลก

    อันน่าจะหมายถึงว่า การนั่งสมาธิ มันมีมานาน ผู้คนในส่วนต่างๆ ของโลก ทำกันมานาน มีหลายศาสนา เช่น พุทธ ฮินดู ได้นำมาเป็นเครื่องมือ ฝึกจิตของ นักบวช ก็จริง แต่จากการที่มีคู่โลกมานานจึงไม่ผิด ที่จะเอามาปฏิบัติกันได้ในศาสนาของตน

    ผมฟังทีแรก ก็เออ ออ หอ่หมกไปด้วย เพราะคิดว่า มันก็น่าจะดี เพียงแต่....

    ต่อมาก็มีข่าวลงในหนังสือพิมพ์ ทั้งสากล และในไทยว่า การนั่งสมาธิยัง ข้อดี เช่น รักษาโรค ต่างๆ ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ซึ่งผมน่ะเชื่อมานานแล้วครับ ผมสังเกตุง่ายๆ จากการที่ พระสงฆ์ไทยนั้น มีพรรษาสูงๆ กันทั้งนั้น อายุแต่ละท่าน 80-95 ปี นี่เป็นเรื่องปกติ มันย่อมเป็นผลมาจาก การทำสมาธิ รักษาศีล และ สวดมนต์นี่ล่ะ ไม่มีมีงานวิจัยฝรั่ง เราก็รู้กันอยู่แล้ว

    แต่พอเวลาผ่านไปนานๆ เราเิริ่มลืมเลือนครับว่า การนั่งสมาธิ มันมีแยก ออกเป็น กี่แบบในพระพุทธศาสนา และ ผมเริ่มจำได้เพียงว่า นั่งสมาธิน่ะดี เขาทำกันทั่วโลก สมาธิพุทธ ก็คงเหมือนๆ กับที่เขาทำกันตอนนี้นี่ล่ะ กลายเป็นแบบนั้นไป

    มีการรณรงค์ กระทั่งให้ทำสมาธิเพียงวันละ 15 นาที แบบนี้ ก็ยังดี ผมกลับคิดว่า มันน่าเสียดาย หากทำได้มาก ทำได้นานกว่านั้น ทำไมต้อง 15 นาที นี่น่าคิด

    ต่อมาด้วย ภาระการงาน และ เรื่องราวสารพัน ได้ผ่านเข้ามา ทำให้ความสนใจ ค้นคว้าในทางศาสนาของผมค่อยๆ จางไป จนเกือบจะไม่กลับมาสนใจอีก จนไม่นานมานี้ ก็ ระลึกได้ว่า ชีวิตคนเรา ปัจจุบันเพียงมีชีวิต ที่สงบพอประมาณ ก็ยากแล้ว (หากเราจะลองสังเกตุ) หากเราเป็นชาวพุทธจริงๆ เราย่อมคิดได้เองว่า ความผาสุขในชาตินี้ คือ กรรมเก่า ที่ทำมา + ทำใหม่ในชาตินี้ และ เมื่อใช้ไปมันก็ต้องหมดไปเราจำต้องทำสิ่งเป็นกุศลใหม่ๆ ใ้ห้เกิดขึ้น เพื่อเป็นทุนในชาติต่อไป หรือกระทั่งชาตินี้ ที่เรามิรู้ได้ว่า บุญบารมีที่เราเพียรสร้างไว้นั้นจะลดถอยลงเมื่อไร

     ผมจึงได้กลับมา ทำวัตรเช้า-เย็น อีกครั้งหลังหยุดทำไป 5 ปี สิ่งที่ได้เห็นผลทันตาคือ ความสดชื่นในใจครับ และอานิสงค์จากการสวดมนต์อีก พอสวดมนต์ ก็เริ่มทำสมาธิ พอนั่งสมาธิ ก็เกิดคำถาม ว่า ทำแล้วได้อะไร ศาสนาของเราระบุไว้ชัดว่า จะได้ ฌาน คือ ฌาน 1- 4 และ อรูปฌาน 4 รวมทั้ง อภิญญาอีกด้วย เรียกว่า ได้ทั้ง ฌานลาภี และ อภิญญาลาภี  แล้วยังทำให้ เมื่อตายไปจากโลกนี้ ได้ไปสู่ สภาวะ พรหม อีกด้วยหากยังไม่เสื่อมจากฌาน ที่ได้มา แสดงว่า ฌานหากไม่รักษาเสื่อมได้

    ผมเกิดความสงสัย เอ เราลืมอะไรไป แล้วการได้เป็น พระอรหันต์ล่ะ ทำอย่างไร ก็เริ่มค้นหาข้อมูล จนได้ เบาะแส ว่า การนั่งสมาธิ นั้นมี 2 แบบ คือ

   1. สมถภาวนา คือ การทำสมาธิ โดยอาศัย การภาวนา 40 กอง ต่างๆกันไป โดยเชื่อว่า หลายแบบมีมาตั้งแต่ก่อนจะมีพุทธศาสนา แม้พระพุทธเจ้า ในวัยเด็ก ท่านก็นั่งสมาธิ จนบรรลุฌาน มาแล้ว สมัยนั้นถือว่าการได้ฌาน เป็นเรื่อง ปกติ ผลดีของการทำ สมถภาวนาคือ ช่วยทำกิเลสให้ระงับ แต่ไม่ได้แปลว่า
ฆ่ากิเลสทิ้ง คือ ฌานเสื่อมเมื่อใด กิเลส ก็กลับมาอย่างแน่นอน

  2. วิปัสนาภาวนา คือ การพิจารณาขันธ์ 5 หรือ รูปนาม เอาตรงนี้ย่อๆ ว่า ในขันธ์ ทั้ง 5 นั้น เราสามารถแบ่งเป็น รูป และ นาม ได้ดังนี้

  ขันธ์ 5 ประกอบด้วย

 1.รูปขันธ์
 2.เวทนาขันธ์
 3.สัญญาขันธ์
 4.สังขารขันธ์
 5.วิญญาณขันธ์

   เมื่อสังเกตุ ดูดีๆ จะพบว่า ข้อ 1. คือ รูป และ อีก 4 ข้อ จับต้องไม่ได้ คือ นาม นั่นเอง เมื่อกล่าวว่า พิจารณา รูปนาม ก็คือ พิจารณา ขันธ์ 5 นั่นเอง

  และวิปัสนาภาวนานั้น เมื่อปฏิบัติถึงที่สุดแล้ว คือ ถึง อรหัตตมรรค ได้ อรหัตตผล ก็จะฆ่ากิเลสได้หมดสิ้น

   เมื่อพบข้อมูลเหล่านี้ จึงเริ่มสบายใจว่า หากจะเป็นพุทธแท้ ต้องมีการศึกษาเรียนรู้เรื่องเหล่านี้ครับ แม้ว่ายังไม่ได้ทำ หรือ ทำไม่ได้ ก็ยังได้ชื่อว่า ช่วยรักษาพระศาสนาครับ ผมเืชื่อว่า เป็นกุศลอย่างหนึ่ง

   และสิ่งหนึ่งที่ยืนยันว่า พุทธศาสนา มีของดี และของแท้ นั่นคือ การทำสมาธิแบบ วิปัสนาภาวนา นั้นมีแต่เฉพาะในพุทธศาสนาเท่านั้น โดยเป็นหนึ่งเดียวในโลกอย่างแท้จริง ใครสนใจว่า วิชาวิปัสนา มีความลึกซึ้ง มีวิธีทำอย่างไร ต้องไปต่อยอดเอาเองนะครับ สุดยอดมากๆ

    วิปัสนาภาวนา จะไม่มีในศาสนาอื่นๆ ดังนั้น หากจะกล่าวว่า การทำสมาธิ เป็นของกลางของโลก นั่นคือ การทำ สมถภาวนา ไม่ใช่ วิปัสนานะครับ ต้องช่วยกัน จำ และ ทำให้ชัดในใจ เพื่อเป็นการรักษาพระศาสนา ไปในตัว

    ยังยกอีกข้อ ที่ พระท่านได้กล่าวว่า ไม่ทำความชั่ว ทำแต่ความดี และ ทำจิตใจให้ผ่องใสขาวรอบ
เราก็ยืนยันกันตรงนี้ว่า 2 ข้อแรก ทุกศาสนาสอนเหมือนกัน แต่ ข้อทำจิตใจให้ผ่องใสขาวรอบ มีแต่ในพระพุทธศาสนาเท่านั้น และ ส่วนนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างเอกอุ ก็ต้อง ปฏิบัติในแนวทางของ วิปัสนาเท่านั้นครับ

วันนี้พอเท่านี้ก่อน

สวัสดีครับ
คุณบอลล์ :0)





 

No comments:

Post a Comment