Saturday, August 10, 2013

ยุคที่คนไทยเิริ่มมี Hobby หรือ งานอดิเรก กันเต็มบ้านเต็มเมือง มีใครมองการปฏิบัติธรรม เป็น Hobby บ้าง?

สวัสดีครับ ผู้ใส่ใจในธรรม ทุกท่าน

  วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2556

  เช้าวันนี้หลังจากออกกำลังกายโดยการ แกว่งแขน ราวๆ 500 ครั้ง ก็แทบลมจับเพราะ ร้างจากการออกกำลังกายนานจริงๆ และ เพิ่งหายไข้มาได้ระยะหนึ่ง ที่กลับมาออกกำลังกายตั้งใจว่า เขาสุขภาพ เอาปราณ เอาการไหลเวียนเลือดที่ดี มากกว่า จะหวังเรื่องลดน้ำหนัก ก็คิดว่าทำได้ต่อเนือง เพราะไร้ความกดดันและยังดีต่อตัวเราในทุกด้านครับ

   หลังจากออกกำลังกาย ผมเดินมาซื้ออาหารเช้า ที่ 7-11 เดินเข้าไปเห็นพนักงานร้องถามกันว่า พี่ๆ ปีนี้ ปี 56 ใช่ไหม? ฮ่ะๆๆ ผมตกใจมาก ข้อนี้ทำให้ฉุกคิดว่า คนเราหาเหมือนกันไม่ เรารู้ในสิ่งที่เรายังใส่ใจ เท่านั้น ไม่มีเวทนารับรู้ จะรู้ได้อย่างไร น่าน เข้าข้อธรรม แต่เช้า คือ เขาอาจไม่เห็น ไม่ฟัง ไม่คิดใส่ใจ กับเรื่อง ปี พ.ศ. เขาจึงไ่ม่รู้เรื่องว่า ปีนี้ 55 หรือ 56 ชัดไหมครับ

    ผมก็ส่งเสียงบอกว่า ปี 56 น้อง น้องคนนั้น อายม้วนต้วน ไปเลย

   ซื้ออาหาร น้ำ นม เสร็จก็เดินกลับที่พัก ชื่นชมเมื่อคิดว่า ชาวบ้าน ร้านตลาด ตื่นมาเปิดร้านกันแต่เช้า เพียงแต่เราไม่ค่อยได้สังเกตุ พอสังเกตุ ก็พบว่า พวกนี้ทำให้เราสบาย มีร้านข้าวมันไก่ มีร้านกาแฟ ไว้ให้ซื้อแต่เช้า หากไปอยู่กลางทะเลทราย จะมีไหมเนี่ย?

    ปูชนียบุคคล ที่บรรยายสิ่งต่างๆได้ละเอียด อย่างเช่น ความดีงามในการ ดูแลกล้วยไม้ ต้องท่าน ศาสตราจารย์ระพี สาคริก ครับ สำหรับผมการบรรยาย ชีวิตรอบข้าง คงจะทำได้ห่างชั้นจากท่านมาก ต้องสั่งสมเวลาอีกนานครับ :0)

   พอมาถึงห้อง ก็คุยโทรศัพท์กับหวานใจ พักหนึ่งแล้วก็พักผ่อน ทานข้าวเช้า แล้วก็มานั่งดูรายการ ฝึกสุนัข ช่อง True ได้พบว่า ฝรั่งมันเก่งใช่เล่น หมาน้อยดื้อๆ ยังสามารถฝึกได้ สุดยอดครับ

    วันนี้ เอาแนวคิด มาแบ่งปันกันครับ ประเด็นก็คือ ตอนนี้ เราจะพบว่า ตั้งแต่มี กระดานสนทนา มีเว็บชุมชน อย่าง pantip หรือที่อื่นๆ มาตลอด เกือบ 20 ปีนี้ เราจะเริ่มมีกลุ่มเชี่ยวชาญพิเศษเกิดขึ้นมากมาย และในไทยเรา จะหนักไปทาง การเมือง หรือ อีกแบบก็งานอดิเรก หรือ Hobby นั่นเอง

    งานอดิเรก มีมากมายเช่ย กอล์ฟ, ปั่นจักรยาน, กลุ่มคนรักรถ, รักต้นไม้, คอมพิวเตอร์ และ อื่นๆ อีกเป็นร้อยเป็นพันอย่าง คนสมัยนี้เหมือนจะมีงานอดิเรก อย่างน้อย 1 อย่าง เพราะ เน็ต มันช่วยให้ทุกอย่าง ง่ายขึ้น อยากรู้อะไร ก็เข้่าเน็ตค้นข้อมูล แลกเปลี่ยนความรู้ และ ยังนัดหมาย จัดพบปะกันได้อีกด้วย เรียกว่าเป็นยุคทองของ Hobby หรือ งานอดิเรก จริงๆ

   ความสงสัยของผมก็คือ ทำไมเราไม่ทำให้ การใส่ใจในธรรมะ เป็นงานอดิเรก ล่ะ เมื่อการปั่นจักรยาน ทำให้คนที่ทำ งาน อดิเรก แบบนี้ มีขาที่แข็งแรง ได้ไปเห็นทัศนียภาพใหม่ๆ พบเพื่อนใหม่ๆ แล้วการถือธรรมะ เป็นงานอดิเรกล่ะ มันจะทำให้เราเป็นคนอย่างไร?

   คนที่ปฏิับัติธรรม ก็จะได้ความร่มเย็นกับตัว ทีแน่ๆ มันดีกว่าไม่ทำ ทุกประตู เคยได้ยินไหม หลายคนชีวิตเปลี่ยน และเปลี่ยนมาจากภายใน  มีสีหน้าที่สดใส อ่อนกว่าวัย มีสุขภาพจิตและกายดีขึ้นมาก และสำหรับคนที่ปฏิบัติมากๆ อย่าง ผู้ทรงศีล หรือพระ เช่น พระในพระพุทธศาสนา การมีอายุ 85-90 ขึ้นเป็นเรื่องปกติ เรื่องนี้ เห็นเป็นประจักษ์กันอยู่

    ทีนี้เนื้อหา ข่าวคราวของการ ยึดการปฏิบัติธรรม เป็น Hobby นี่ มันยังมีน้อยกันอยู่ หน้าที่ผมคือ การเปิดประเด็น แนวคิดว่า ทำอย่างไร ให้คนสมัยนี้ สมัยไหนก็ตาม หันมามองว่า การปฏิบัติธรรม เป็นเรื่องที่ควรจับไว้ให้แน่น ให้เป็นงานอดิเรกรูปแบบหนึ่ง งานอดิเรกอื่นๆ เป็นเพียงการ สนอง กิเลสของเรา และในหลายส่วน ต้องมีค่าใช้จ่ายมากมาย เช่น

   -งานอดิเรก คือ คอมพิวเตอร์ คุณต้องมี การซื้อสัญญาณเน็ต ซื้อคอมพิวเตอร์ คอยอัฟเกรด และอื่นๆ ที่จะตามมาอีกมากมาย

   -งานอดิเรก คือ การเล่นกล้อง มีตากล้องคนไหน ที่เอาจริงแล้วไม่อยากได้เลนส์ตัวใหม่ๆ บ้าง ราคากล้องล่ะ เท่าไร

   -งานอดิเรก คือ การท่องเที่ยว ผมถามว่า ไปเที่ยวแต่ละที ค่าใช้จ่ายเท่าไรครับ ???

   -งานอดิเรก คือ อะไรต่อมิอะไร ล้วนใช้เงินมากๆ กันทั้งนั้น

 แต่ หากยึดการปฏิบัติธรรม เป็นงานอดิเรกของเรา อุปกรณ์พื้นฐาน มีตามตัวอย่างนี้ ก็เหลือเฟือแล้วครับ
ดังนี้

  1. หนังสือสวดมนต์ ทำวัตรเช้าและเย็น แบบสวดมนต์มีบทแปล
  2. แก้วน้ำ  2 ใบ ใช้กรวดน้ำหลังจากสวดมนต์และ/หรือ นั่งสมาธิ
  3. ที่ว่างสำหรับนั่งสมาธิ ปกติจะฟรี เพราะพื้นที่ที่ ลมพัดสบาย
      อากาศโล่งหน่อยก็ใช้ได้แล้วครับ

   ทั้ง 3 รายการ ผมว่า มีค่าใช้จ่ายจริงๆ คงเพียงแต่หนังสือสวดมนต์นั่นล่ะ

  ที่ผมทำอยู่ ไม่เน้น จุดธูป-เทียน เพราะคิดเองนะครับว่า คนยุคใหม่จำนวนมาก อยู่คอนโด และเื้นื้อที่จำักัด อาจจะรีบแล้วลืมดับธูปเทียน มันจะเกิดปัญหาได้ครับ วันนี้เอารูปแก้วน้ำสำหรับกรวดน้ำ มาให้ชมครับ ง่ายๆ ครับ เดี๋ยวบ่ายๆ จะลงรูป หนังสือสวดมนต์ เล่มขลังที่ใช้มานานน่าจะเกิน 10 ปีแล้วมาให้ชมกัน ครับ



          แก้วใบหนึ่งใช้สำหรับ รับน้ำ เรียกว่า แก้วรับ  อีกใบหนึ่งใช้รินน้ำกรวดน้ำ เรียกว่า แก้วริน
สำหรับผมมี แก้วรับและแก้วริน ก็โอเคแล้วครับ บางอย่างอย่าไปยึดรูปแบบมากเกินไปครับ :0)

  เรามายึดการปฏิบัติธรรม เป็นงานอดิเรกที่ ทรงค่ากันดีกว่า ยิ่งทำ ยิ่งมีส่วนลด กิเลส นำเราไปยังช่องทางที่ถูกคือ ห่างจาก อบายต่างๆ สวดมนต์ไหว้พระ ทำสมาธิแล้ว ก็จงอยู่สายกลาง ให้จิตและกายค่อยๆ พัฒนาไปตาม ครรลอง อย่าไปทำตัวเป็นคนหลุดโลก พิจารณาตน และ ทำไปครับผม คุณจะรู้ได้เองว่า ทำแล้ว มันดีอย่างไร ขอให้สำเร็จในธรรม ทุกท่านครับ

 สวัสดีครับ
คุณบอลล์ :0)
 

 
 

No comments:

Post a Comment